วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ

เนื้อเพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ


                               ดวงจันทร์วันเพ็ญ        ลอยเด่นอยู่ในนภา

                   ทรงกลดสดสี                          รัศมีทอแสงงามตา

                   แสงจันทร์อร่าม                       ฉายงามส่องฟ้า

                   ไม่งามเท่าหน้า                        นวลน้องยองใย

                   งามเอยแสนงาม                      งามจริงยอดหญิงชาติไทย

                   งามวงพักตร์ยิ่งดวงจันทรา      จริตกิริยานิ่มนวลละไม

                   วาจากังวาน                             อ่อนหวานจับใจ

                   รูปทรงสมส่วนยั่วยวนหทัย       สมเป็นดอกไม้ขวัญใจชาติเอย



ความหมายเพลง


       พระจันทร์เต็มดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้านั้นช่างดูสวยงาม เพราะเป็นพระจันทร์ทรงกลด คือมีแสงเลื่อมกระจายออกรอบดวงจันทร์ทั้งดวง แต่ถึงจะงามอย่างไรก็ยังไม่เท่าความงามของดวงหน้าหญิงสาว ที่ดูผุดผ่องมีน้ำมีนวล อีกทั้งรูปร่างก็ดูสมส่วน กิริยาวาจาก็อ่อนหวานไพเราะ สมแล้วกับที่เปรียบว่าหญิงไทยนี้คือดอกไม้


อธิบายท่ารำ


ดวงจันทร์      ท่าแขกเต้าเข้ารัง มือขวาจีบสูง มือซ้ายจีบอยู่ใต้ศอกขวา เท้าซ้ายแตะเท้าขวา เอียงซ้าย


วันเพ็ญ          มือซ้ายจีบสูง มือขวาจีบอยู่ใต้ศอกซ้าย เท้าขวาแตะเท้าซ้าย เอียงขวา 



ลอยเด่น    ใช้เท้าขวาที่แตะหมุนตัวไปทางขวา มือขวาที่จีบอยู่ใต้ศอกเปลี่ยนเป็นจีบปรกข้าง มือซ้ายที่จีบสูงเปลี่ยน

           เป็นตั้งวง เอียงขวา ก้าวเท้าซ้ายไขว้เท้าขวา



อยู่ในนภา   หมุนตัว ถอยเท้าขวาลงวางหลัง หันหน้ากลับที่เดิม ท่าผาลา มือขวาตั้งวง มือซ้ายแบหงายต่ำระดับเอว 

           เอียงขวา ใช้เท้าซ้ายแตะเท้าขวา เอียงขวา 



ทรงกลด    ท่าแขกเต้าเข้ารัง  มือซ้ายจีบสูง  มือขวาจีบอยู่ใต้ศอกซ้าย เท้าขวาแตะเท้าซ้าย เอียงขวา



สดสี       มือขวาจีบสูง มือซ้ายจีบอยู่ใต้ศอกขวา เท้าซ้ายแตะเท้าขวา เอียงซ้าย



รัศมีทอแสง  ใช้เท้าซ้ายที่แตะหมุนตัวไปทางซ้าย มือซ้ายที่จีบอยู่ใต้ศอกเปลี่ยนเป็นจีบปรกข้าง มือขวาที่จีบสูงเปลี่ยน

          เป็นตั้งวง เอียงซ้าย ก้าวเท้าขวาไขว้เท้าซ้าย



งามตา     หมุนตัว ถอยเท้าซ้ายลงวางหลัง หันหน้ากลับที่เดิม ท่าผาลา มือซ้ายตั้งวง มือขวาแบหงายต่ำระดับเอว 

           เอียงซ้าย ใช้เท้าขวาแตะเท้าซ้าย เอียงซ้าย



*** ทำท่าเช่นนี้สลับหมุนซ้ายขวา ไปจนจบเพลง 

                           ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดวงจันทร์วันเพ็ญ            ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดวงจันทร์วันเพ็ญ

เพลงคืนเดือนหงาย

เนื้อเพลงคืนเดือนหงาย

                                     

                        ยามกลางคืนเดือนหงาย     เย็นพระพายโบกพริ้วปลิวมา

                    เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต            เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา

                    เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า       เย็นยิ่งน้ำฟ้ามาประพรมเอย



ความหมายเพลง

        ในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นคืนเดือนหงาย มีลมพัดมากระทบผิวกายรู้สึกเย็นสบายใจ แต่ถึงแม้จะสบายกายแล้ว ก็ยังไม่เท่ากับการได้สบายใจจากการที่ได้ผูกมิตรกับผู้อื่น อีกทั้งการที่ร่มเย็นไป ทั่วหัวระแหง ยิ่งกว่าน้ำฝนที่ตกโปรยปรายลงมาทั่วพื้นแผ่นดิน ก็คือการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นเอกราช มีธงชาติไทยเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ร่มเย็นทั่วไป



อธิบายท่ารำ

        แปลงมาจากท่าสอดสร้อยมาลาในเพลงงามแสงเดือนท่าเตรียมโดยยืนเท้าชิดกันมือซ้ายตั้งวงบนมือขวาจีบหงายที่ชายพกศรีษะเอียงขวาพอเริ่มเพลงมือขวาที่จีบหงายที่ชายพกโบกขึ้นไปตั้งวงบนโดยไม่ต้องสอดหรือม้วนมือมือซ้ายลดวงลงแล้วพลิกข้อมือเป็นจีบหงายที่ชายพก เปลี่ยนมาเอียงซ้าย มือซ้ายลดวงลงแล้วพลิกข้อมือเป็นจีบหงายที่ชายพก เปลี่ยนมาเอียงซ้าย มือซ้ายยกขึ้นไปตั้งวงบน มือขวาลดวงลงแล้วพลิกข้อมือเป็นจีบหงายที่ชายพกเอียงขวาทำเช่นนี้สลับกันจนจบเพลงการเก้าเท้าเริ่มก้าวเท้าขวาตรงคำว่า "คืน" ก้าวซ้ายตรงคำว่า"เดือน"เท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้าตรงคำว่า"หงาย" เท้าขวาเหยียบหนักลงไปตรงคำว่า"เย็น"แล้วก้าวซ้ายตรงคำว่า "พระพาย" ก้าวขวาตรงคำว่า"พริ้ว"แล้วเท้าซ้ายวางหลังตรงคำว่า"มา"เอียงศรีษะข้างมือจีบ และเท้าที่วางหลังก็ข้างเดียวกับมือจีบเสมอ


                                                       ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คืนเดือนหงาย

เพลงรำมาซิมารำ


เนื้อเพลงรำซิมารำ

                                              

      รำซิมารำ                                เริงระบำกันไห้สนุก

ยามงานเราทำงานอย่างจริงจัง     ไม่ละไม่ทิ้งจะเกิดเข็ญขุก

ถึงยามว่างเราจึงรำเล่น                 ตามเชิงเช่นเพื่อให้สร่างทุกข์

ตามเยี่ยงอย่างตามยุค                  เล่นสนุกอย่างวัฒนธรรม

เล่นอะไรให้มีระเบียบ                    ให้งามให้เรียบจึ่งจะคมขำ

มาซิเจ้าเอ๋ยมาฟ้อนรำ                   มาเล่นระบำของไทยเราเอย.                             


ความหมายเพลง

      

          ขอพวกเรามาเล่นรำวงกันให้สนุกสนานเพลิดเพลิน ในยามว่างจะได้ผ่อนคลายจากความทุกข์ เมื่อทำงานเราก็จะทำงานกันด้วยความอุตสาหะ เพื่อจะได้ไม่ลำบาก การรำก็จะรำอย่างมีระเบียบแบบแผน ตามวัฒนธรรมไทยของเรา ดูแล้วงดงาม

อธิบายท่ารำ


                      แขนทั้งสองตึงโดยมือซ้ายอยู่ระดับไหล่ มือขวาคว่ำอยู่ระดับเอว

                มือซ้ายวาดแขนลงอยู่ระดับเอว พร้อมกับพลิกมือขวาหงายขึ้นระดับไหล่

                สลับกันเช่นนี้จนจบเพลง ส่วนเท้าก้าวตามจังหวะเมื่อถึงเนื้อเพลงที่ว่า"เล่นอะไร

                ให้มีระเบียบให้งามให้เรียบจึงจะคมขำ"ให้ฝ่ายหญิงกลับหลังหันตามจังหวะเพลง

                หมุนตัวทางซ้ายเดินเปลี่ยนที่กับฝ่ายชายเป็นรูปครึ่งวงกลมเมื่อถึงเนื้อเพลง

                "มาซิมาเจ้าเอ๋่ยมาฟ้อนรำมาเล่นระบำของไทยเราเอย"ให้ฝ่ายหญิงหมุนตัวกลับหลัง

                หันทางด้านขวาเดินกลับที่เดิม ฝ่ายชายก็เดินตามฝ่ายหญิงต่อไป

                                    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เพลงรํามาซิมารํา  

เพลงชาวไทย

เพลงชาวไทย


เนื้อเพลง

ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่

การที่เราได้เล่นสนุก เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้

เพราะชาติเราได้เสรี มีเอกราชสมบูรณ์เราจึงควรช่วยชูชาติ

ให้เก่งกาจเจิดจำรูญเพื่อความสุขเพิ่มพูน ของชาวไทยเราเอย


ความหมายของเพลง

หน้าที่ที่ชาวไทยพึงมีต่อประเทศชาตินั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระทำ อย่าได้ละเลยไปเสีย ในการที่เราได้มาเล่นรำวงกันอย่างสนุกสนาน ปราศจากทุกข์โศกทั้งปวงนี้ก็เพราะว่า ประเทศไทยเรามีเอกราช ประชาชนมีเสรีในการจะคิดจะทำสิ่งใด ๆ ทั้งนั้น เราจึงควรช่วยกันเชิดชูชาติไทยให้รุ่งเรืองต่อไป เพื่อความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปของไทยเราตลอด


อธิบายท่ารำ

ชาวไทย

ก้าวเท้าขวาตรงคำว่า “ขวา” ส่วนมือขวาที่จีบปรกข้างอยู่เฉย ๆ ลดลงมาเป็นมือแบบหงายปลายนิ้วตก ด้านข้างมือซ้ายลดลงจากวงหน้าลงมาอยู่ระดับอกสูงกว่าชายพกเล็กน้อย ตรงคำว่า “เอย”


ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่

ตรงคำว่า “ขออย่า” ให้เริ่มจีบคว่ำมือซ้าย แล้วค่อย ๆ หมุนตัวเข้าด้านในพร้อมกัน ยกมือซ้ายที่จีบคว่ำขึ้นไปเป็นจีบปรกข้าง มือขวาปาดมาอยู่เป็นวงหน้า ศีรษะเอียงทางซ้าย ก็จะได้จีบปรกข้างซ้าย หรือชักแป้งผัดหน้าซ้ายตรงคำว่า “หน้าที่”


การที่เราได้เล่นสนุก

ลดจีบปรกข้างซ้ายลงมาแบระดับด้านข้าง มือขวาลดลงมาอยู่สูงกว่าชายพก หลังคำว่า “สนุก” ให้จีบคว่ำมือขวา แล้วค่อย ๆ หมุนตัวออกด้านนอกวง


เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้

ยกมือขวาที่จีบคว่ำขึ้นไปเป็นจีบปรกข้าง มือซ้ายยกปาดเป็นวงหน้า ศีรษะเอียงทางขวา ตรงคำว่า “อย่างนี้”


เพราะชาติเราได้เสรี

ลดจีบปรกข้างด้านขวาลงพร้อมมือซ้าย แบมือตรงคำว่า “เสรี”


มีเอกราชสมบูรณ์

เปลี่ยนเป็นจีบปรกข้างซ้าย มือขวาตั้งวงหน้า ศีรษะเอียงทางซ้าย


เราจึงควรช่วยชูชาติ

ลดจีบปรกข้างซ้ายลงพร้อมมือขวา มือซ้ายแบหงายตรงคำว่า “ชูชาติ”


ให้เก่งกาจเจิดจำรูญ

จีบคว่ำมือขวาตรงคำว่า “ให้” แล้วค่อย ๆ หมุนตัวเข้าในวงพร้อมกับยกมือขวาขึ้นเป็นจีบปรกข้าง มือซ้ายตั้งวงหน้า ศีรษะเอียงทางขวา


เพื่อความสุขเพิ่มพูน

ลดจีบปรกข้างขวาพร้อมกับมือซ้าย


ของชาวไทยเราเอย

จีบคว่ำมือซ้ายตรงคำว่า “ของ” ค่อย ๆ หมุนตัวเข้าในวงพร้อมกับยกจีบคว่ำซ้ายเปลี่ยนเป็นจีบปรกข้างซ้าย มือขวาตั้งวงหน้า ศีรษะเอียงทางซ้าย

.jpg
ท่าชักแป้งผัดหน้า

เพลงงามแสงเดือน

เพลงงามแสงเดือน

เนื้อเพลง

งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ

งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ

เราเล่นเพื่อสนุก เปลื้องทุกข์มิวายระกำ

ขอให้เล่นฟ้อนรำ เพื่อสามัคคีเอย


ความหมายของเพลง

ท้องฟ้าจะงดงามเมื่อพระจันทร์ส่องแสง ผู้หญิงก็งดงามหากได้รำอยู่ในวงรำ พวกเราละเล่นรำวงอย่างสนุกสนานไม่มีทุกข์ ละทิ้งความทุกข์ความไม่สบายใจออกไป การรำวงนี้ก็เพื่อให้เกิดความสามัคคี


อธิบายท่ารำ

งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า

เริ่มต้นด้วยมือซ้ายจีบหงายที่ชายพก มือขวาตั้งวงศีรษะเอียงทางซ้าย ค่อย ๆ สอดมือซ้ายออกไปแบหงายงอด้านข้าง มือขวาเดินลงมาอยู่ระดับวงกลาง เมื่อมาถึงคำว่า “หล้า” ให้ปล่อยจีบซ้าย (อย่าเพิ่งปล่อยจีบก่อน)


งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ

ตรงคือว่า “งาม” ให้มือขวาที่ตั้งวงกลางอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นจีบคว่ำทันที แล้วสอดมือซ้ายยกขึ้นค่อยๆ พลิกเป็นตั้งวง ให้พร้อมกับมือของจีบหงาย ศีรษะเอียงทางขวาตรงคำว่า “วงรำ”


เราเล่นเพื่อสนุก

เมื่อถึงคำว่า “เราเล่น” ให้รีบเดินมือผลัดจีบ เปลี่ยนเป็นจีบคว่ำมือขวา มือซ้ายแบหงายปลายนิ้วตกไว้ เมื่อถึงคำว่า “เพื่อสนุก” ก็สอดมือขวามาจีบหงายที่ชายพก มือซ้ายยกขึ้นเป็นวง ศีรษะเอียงทางขวา เท้าย่ำตามจังหวะฉิ่ง


เปลื้องทุกข์มิวายระกำ

ย่ำเท้าโดยไม่เปลี่ยนท่า


ขอให้เล่นฟ้อนรำ

เมื่อถึงคำว่า “ขอให้” ก็รีบเดินมือ ผลัดจีบ เปลี่ยนเป็นจีบคว่ำมือซ้าย มือขวาแบหงายปลายนิ้วตก และเมื่อถึงคำว่า “เล่นฟ้อนรำ” ก็สอดมือซ้ายมาจีบหงายไว้ที่ชายพก มือขวายกขึ้นเป็นวง ศีรษะเอียงทางขวา เท้าย่ำตามจังหวะ


เพื่อสามัคคีเอย

ย่ำเท้าโดยไม่เปลี่ยนท่า เมื่อปฏิบัติมือและเท้าสัมพันธ์กันดีแล้ว ก็จะเปลี่ยนลีลาการรำให้สวยงามยิ่งขึ้น ดังนี้ ตรงคำว่า “ เราเล่นเพื่อสนุก”ให้ฝ่ายหญิงหมุนตัวด้านซ้าย แล้วถอยห่างจากชายออกไปนอกวง (จะมองเห็นเป็น 2 วงซ้อน โดยชายอยู่วงใน หญิงอยู่วงนอก)ทั้งคู่เปลี่ยนมือจีบมาเป็นจีบทางขวา ตั้งวงซ้าย ต่างคนต่างเดินไปแทนที่กัน โดยฝ่ายหญิงจะเดินเข้าสู่วงใน ฝ่ายชายจะเดินออกสู่วงนอก เมื่อเดินถึงที่ จะพอดีกับเพลงที่ว่า “เปลื้องทุกข์วายระกำ ขอให้เล่นฟ้อนรำ” ให้ทั้งคู่กลับหลังหันทางด้านขวาของตนเอง

จึงค่อยผลัดจีบเป็นจีบมือซ้ายที่ชายพก มือขวา ตั้งวง แล้วทั้งคู่จึงเดินควงกันกลับเข้าที่เดิม


การรำวงมาตรฐาน




                                                                     ประกอบด้วยเพลง
1.เพลงงามแสงเดือน  ใช้ท่า สอดสร้อยมาลา
2.เพลงชาวไทย ใช้ท่า ชักแป้งผัดหน้า
3.เพลงรำมาซิมารำ ใช้ท่ารำส่าย
4.เพลงคืนเดือนหงาย ใช้ท่า สอดสร้อยมาลา แปลง
5.เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ ใช้ท่า แขกเต้าเข้ารัง-ผาลาเพียงไหล่
6.เพลงขวัญใจดอกไม้ของชาติ ใช้ท่า รำยั่ว
7.เพลงหญิงไทยใจงาม ใช้ท่า พรหมสี่หน้า-ยูงฟ้อนหาง
8.เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ใช้ท่า ช้างประสานงา-จันทร์ทรงกลด แปลง
9.เพลงยอดชายใจหาญ หญิงใช้ท่าชะนีร่ายไม้ ชายใช้ท่าจ่อเพลิงกาฟ
10.เพลงบูชานักรบ ใช้ท่า เที่ยวแรก(หญิง)ขัดจางนาง(ชาย)จันทร์ทรงกลด เที่ยวสอง (หญิง)ล่อแก้ว  (ชาย)ขอแก้ว

ประวัติการรำไทย


ประวัติ นาฏศิลป์ไทย เป็นศิลปะการละครฟ้อนรำและดนตรีอันมีคุณสมบัติตามคัมภีร์นาฏะหรือนาฏยะ กำหนดว่า ต้องประกอบไปด้วยศิลปะ 3 ประการ คือ การฟ้อนรำ การดนตรี และการขับร้อง รวมเข้าด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ เป็นอุปนิสัยของคนมาแต่ดึกดำบรรพ์ นาฏศิลป์ไทยมีที่มาและเกิดจากสาเหตุแนวคิดต่าง ๆ เช่น เกิดจากความรู้สึกกระทบกระเทือนทางอารมณ์ไม่ว่าจะอารมณ์แห่งสุข หรือความทุกข์และสะท้อนออกมาเป็นท่าทางแบบธรรมชาติและประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นท่า ทางลีลาการฟ้อนรำ หรือเกิดจากลัทธิความเชื่อในการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธ์ เทพเจ้า โดยแสดงความเคารพบูชาด้วยการเต้นรำ ขับร้องฟ้อนรำให้เกิดความพึงพอใจ เป็นต้น

นอกจากนี้นาฏศิลป์ไทย ยังได้รับอิทธิพลแบบแผนตามแนวคิดจากต่างชาติเข้ามาผสมผสานด้วย เช่น วัฒนธรรมอินเดียเกี่ยวกับวรรณกรรมที่เป็นเรื่องของเทพเจ้าและตำนานการฟ้อนรำ โดยผ่านเข้าสู่ประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมคือผ่านชนชาติชวาและเขมร ก่อนที่จะนำมาปรับปรุงให้เป็นรูปแบบตามเอกลักษณ์ของไทย เช่นตัวอย่างของเทวรูปศิวะปางนาฏราช ที่สร้างเป็นท่าการร่ายรำของพระอิศวร ซึ่งมีทั้งหมด 108 ท่า หรือ 108 กรณะ โดยทรงฟ้อนรำครั้งแรกในโลก ฌ ตำบลจิทรัมพรัม เมืองมัทราส อินเดียใต้ ปัจจุบันอยู่ในรัฐทมิฬนาดูนับเป็นคัมภีร์สำหรับการฟ้อนรำ แต่งโดยพระภรตมุนีเรียกว่าคัมภีร์ภรตนาฏยศาสตร์ ถือเป็นอิทธิพลสำคัญต่อแบบแผนการสืบสานและถ่ายทอดนาฏศิลป์ของไทยจนเกิดขึ้น เป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่มีรูปแบบ แบบแผนการเรียน การฝึกหัด จารีตขนบธรรมเนียมมาจนถึงปัจจุบัน
อย่าง ไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาทางด้าน นาฏศิลป์ไทยได้สันนิษฐานว่า อารยธรรมทางศิลปะด้านนาฏศิลป์ของอินเดียนี้ได้เผยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทย ตั้งแต่สมันกรุงศรีอยุธยาตารมประวัติการสร้างเทวาลัยศิวะนาฏราชที่สร้างขึ้น ในปี
พ.ศ. 1800 ซึ่งเป็นระยะที่ไทยเริ่มก่อตั้งกรุงสุโขทัย ดังนั้นท่ารำไทยที่ดัดแปลงมาจากอินเดียในครั้งแรกจึงเป็นความคิดของนัก ปราชญ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และมีการแก้ไขปรับปรุงหรือประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในกรุงรัตนโกสินทร์ จนนำมาสู่การประดิษฐ์ท่าร่ายรำและละครไทยมาจนถึงปัจจุบัน


ที่มา#http://xn--o3cwb4dwe5b.blogspot.com/2010/01/blog-post.html